099-219-3955
[email protected]
  • Cart
  • Checkout
  • นโยบายการเปลี่ยน / คืนสินค้า และการคืนเงิน
Facebook YouTube Instagram
  • หน้าหลัก
  • บทความ
  • สินค้าโพชง
  • รีวิวผู้ดื่มโพชง
  • ติดต่อเรา
Log in / Sign in
Login Register

Lost password?

or sign in with a social network
Facebook

Your personal data will be used to support your experience throughout this website, to manage access to your account, and for other purposes described in our privacy policy.

Wishlist Please, enable Wishlist.
0 0

No products in the cart.

Return To Shop
Shopping cart (0)
Subtotal: 0 บาท

Checkout

Free shipping over 49$
จัดส่งฟรีเมื่อซื้อสินค้า 1,200 บาท ขึ้นไป Go shop
แจกโค้ดส่วนลดทุกวันที่ LAZADA ไปที่ LAZADA
  • หน้าหลัก
  • บทความ
  • สินค้าโพชง
  • รีวิวผู้ดื่มโพชง
  • ติดต่อเรา
Facebook YouTube Instagram
Log in / Sign in
0 0
0 Shopping Cart

No products in the cart.

Return To Shop
Shopping cart (0)
Subtotal: 0 บาท

Checkout

Free shipping over 49$
Return to previous page
Home Archive by category "รู้ทันโรค"

Category: รู้ทันโรค

รู้ทันโรค

วิธีสังเกตอาการไข้หวัดใหญ่

19 May 2025 / 20
วิธีสังเกตอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ แม้แต่อากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยในหนึ่งวัน ทำให้ร่างกายของหลาย ๆ ท่านปรับตัวไม่ทัน หรือ บางท่านก็มีปัจจัยร่วมทั้งการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือ สภาพร่างกายที่ต้องเผชิญหน้ากับความเครียดก็นำมาสู่การเจ็บป่วยเกิดขึ้น โดยอาการหนึ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อยคือ ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเราจะขอพาทุกท่านไปรู้จักกับ อาการไข้หวัดใหญ่ว่ามีอาการอย่างไรบ้างดังต่อไปนี้ 1.อ่อนเพลีย โดยเป็นอาการอ่อนเพลียที่เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน เรียกได้ว่าเป็นอาการอ่อนเพลียแบบเฉียบพลันกันเลย 2.มีไข้สูง ส่วนนี้เป็นอาการที่สามารถวัดได้ และ ควรเฝ้าระวังเป็นอย่างมาก ซึ่งไข้สูงนี้ คือ อุณหภูมิของร่างกายอยู่ที่ 39 – 40 องศาเซลเซียส 3.อาการปวดเมื่อย ไข้หวัดใหญ่ อาการที่สังเกตได้อีกสิ่ง ก็คือ อาการปวดเมื่อยที่มักเกิดขึ้นตามข้อของร่างกาย ทั้งส่วนของแขนและขา นอกจากนี้ก็มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายร่วมด้วย 4.เกิดความแดง ความแดงที่จะปรากฎตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไข้หวัดใหญ่ อาการแดงมีทั้งที่ตาแดง คอแดง หรือ แม้แต่ตัวแดงจากไข้ขึ้น อาการจะเป็นมากใน 3 วันแรก หลังจากนั้นอาการจะเริ่มดีขึ้น โดยหายสนิทอาจใช้เวลา 10-14 วัน แต่ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป อาจใช้เวลานานกว่านี้ เมื่อเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยทั้งกับตัวคุณเอง และ คนรอบข้างที่คุณรักและคุณต้องดูแล การรีบรักษาให้หายย่อมเป็นหนึ่งสิ่งที่ทุกท่านต้องทำ เพื่อให้สามารถรักษาได้อย่างตรงจุด สามารถเกาได้ตรงบริเวณที่คัน เราจึงจำเป็นต้องทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น ๆ ขึ้น โดยคุณก็สามารถสังเกตด้วยตนเองเบื้องต้นได้จากอาการ ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีทั้งต่อตัวของคุณเองและแพทย์ที่ทำการรักษาคุณอย่างแน่นอน วิธีเสริมภูมิคุ้มกันควรดื่มเครื่องดื่มที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดอาการเป็นหวัด โดยเฉพาะในเครื่องดื่มโพชง ที่มีสมุนไพรที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เพียงดื่มวันละแก้ว เพียงครั้งละ 30 cc. Continue reading
รู้ทันโรค

โรคภูมิแพ้เกิดจากอะไร? รู้เท่าทันอาการ สาเหตุ และการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคภูมิแพ้

14 May 2025 / 59
โรคภูมิแพ้ (Allergy) เป็นภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมที่ไม่เป็นอันตรายจนเกินเหตุ หรือที่เรียกว่า “สารก่อภูมิแพ้” โดยร่างกายจะมองว่าสารเหล่านี้เป็นภัย และพยายามกำจัดออก ส่งผลให้เกิดอาการแพ้ต่างๆ ขึ้น สารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย สารก่อภูมิแพ้มีอยู่รอบตัวเรา เช่น ไรฝุ่น รังแคของสุนัขและแมว แมลงสาบ เกสรดอกหญ้า เมื่อร่างกายได้รับสารเหล่านี้ ก็อาจแสดงอาการแพ้ในหลายระบบของร่างกาย โรคภูมิแพ้ส่งผลต่อระบบใดบ้างในร่างกาย? ระบบทางเดินหายใจอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ น้ำมูกไหล จาม คันจมูก คัดจมูก (มักเรียกว่า “แพ้อากาศ”) หากอาการรุนแรงอาจถึงขั้นไอเรื้อรัง หายใจลำบาก หรือเป็นโรคหืด ระบบผิวหนังเช่น ผื่นลมพิษ ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) หรือผื่นจากการสัมผัสสารที่แพ้ ระบบทางเดินอาหารบางรายมีอาการปวดท้อง อาเจียน หรือถ่ายเป็นมูกเลือด ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการแพ้อาหารบางชนิด ระบบอื่นๆ (กรณีรุนแรง)หากอาการแพ้รุนแรงมาก อาจเกิดปฏิกิริยาในหลายระบบพร้อมกัน เช่น หอบ หายใจไม่ออก ลมพิษทั่วตัว หรือแม้แต่ภาวะช็อค ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ สาเหตุของโรคภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้มีสาเหตุหลักจาก 2 ปัจจัย คือ พันธุกรรม และ สิ่งแวดล้อม พันธุกรรม: หากพ่อแม่มีประวัติภูมิแพ้ ลูกก็มีโอกาสเสี่ยงมากขึ้น สิ่งแวดล้อม: สารก่อภูมิแพ้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็น การหายใจ (เช่น ฝุ่น เกสร ควัน) การรับประทานอาหาร (เช่น อาหารทะเล นม ไข่) การสัมผัสที่ผิวหนัง (เช่น น้ำหอม ผงซักฟอก โลหะบางชนิด) ปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ: อากาศเปลี่ยนแปลง ฝุ่นละออง PM 2.5 ควันบุหรี่ หรือมลพิษทางอากาศก็มีผลทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบได้เช่นกัน การดูแลตัวเองเมื่อเป็นภูมิแพ้ หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้หรือปัจจัยกระตุ้นต่างๆ สวมหน้ากากกันฝุ่นเมื่อต้องออกนอกบ้าน รักษาความสะอาดในบ้าน ป้องกันฝุ่นและไรฝุ่น รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน หากมีอาการเรื้อรัง ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง เคล็ดลับเพิ่มเติม: หากคุณกำลังมองหาตัวช่วยเสริมสุขภาพ มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่าง “โพชง” ที่หลายคนบอกว่าช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ได้ดี (แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน) สุขภาพดี... Continue reading
รู้ทันโรค

เช็คอาการแพ้ฝุ่น PM 2.5

19 Feb 2025 / 194
หลาย ๆ คนอาจเคยสงสัยว่าหมอกสีขาวที่เห็นในตัวเมืองคือหมองจริง ๆ หรือฝุ่น PM2.5 กันแน่ ด้วยฝุ่นที่ฟุ้งกระจายและมีจำนวนปริมาณจากทำให้เหมือนหมอก ปัจจุบัน PM2.5 ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งบดบังทัศนวิสัย แต่เป็นมลพิษที่เริ่มเป็นปัญหาระดับชาติสำหรับหลาย ๆ ประเทศแล้ว บางประเทศได้ออกมาตรการสำหรับป้องกันและกำจัดฝุ่น PM2.5 อย่างเร่งด่วน เพราะเมื่ออากาศที่เราใช้หายใจกันนั้นเต็มไปด้วยมลพิษอย่างฝุ่นละอองขนาดเล็ก นั่นทำให้ระบบทางเดินหายใจได้รับผลกระทบ และต้องทำงานหนักขึ้นอย่างมาก อีกทั้งยังส่งผลต่อหัวใจ และเยื่อบุต่าง ๆ ซึ่งหลาย ๆ คนที่ได้รับฝุ่น PM2.5 เป็นระยะเวลานานหรือ เพียงแค่สัมผัสก็เกิดอาการแพ้ฝุ่น PM2.5 หรือเป็น ผื่น PM2.5 ได้ บทความนี้ขอพาทุกคนมาอัพเดทอาการแพ้ฝุ่น หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาให้ถูกต้องค่ะ 1. ทางสุขภาพ ปัญหาอาการแพ้ PM2.5 ที่ส่งผลต่อสุขภาพหลักๆนั้นมีดังนี้ – เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ : เนื่องจากฝุ่นที่มีขนาดเล็ก ที่สามารถเข้าสู่ทางเดินหายใจได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ เกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืดกำเริบ ทั้งผู้ที่เป็นอยู่แล้ว และร่างกายปกติก็สามารถเป็นได้ หากไม่ป้องกันหรือรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ – ส่งผลต่อหัวใจ : อาจทำให้เป็นตะกอนภายในหลอดเลือด จนทำให้หลอดวายเฉียบพลันได้ – ส่งผลต่อสมอง : ความดันโลหิตสูง และเลือดมีความหนืด ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดในสมอง 2. ทางผิวหนัง อาการแพ้ PM2.5 ที่เกิดทางผิวหนังนั้นอาการแล้วแต่บุคคลซึ่งมาดังนี้ – ผิวหนังเกิดเป็นตุ่ม นูนแดงกระจายจากอาการแพ้ฝุ่น PM2.5 – เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังจากการแพ้ฝุ่น PM2.5 – ทำให้ผิวแก่เร็ว มีจุดด่างดำ 3. อาการแพ้ฝุ่น PM2.5 ที่ควรพบแพทย์ทันที อาการแพ้ฝุ่น PM2.5 นั้นมีหลายอาการซึ่งในบางอาการที่แสดงออกมานั้นเป็นอาการที่อันตราย ซึ่งหากเกิดอาการแพ้ฝุ่น PM2.5 เหล่านี้ควรแพทย์พบทันที – แสบตา ระคายเคืองตาอย่างมาก – มีน้ำมูกเกิน 1 สัปดาห์ – ไอ... Continue reading
โรคข้อเข่าเสื่อม
รู้ทันโรค

โรคข้อเข่าเสื่อม : สาเหตุ อาการ การดูแลตนเอง และสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการ

20 Dec 2024 / 447
โรคข้อเข่าเสื่อม : สาเหตุ อาการ การดูแลตนเอง และสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการ โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นภาวะที่กระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่าเสื่อมสภาพ ทำให้กระดูกเสียดสีกันโดยตรง ส่งผลให้เกิดอาการปวด บวม และข้อเข่าเคลื่อนไหวได้ลำบาก โรคนี้มักพบในผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงบางประการ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงสาเหตุ อาการ การดูแลตนเอง และสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม สาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม: อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกอ่อนจะเริ่มเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ น้ำหนักเกิน: น้ำหนักที่มากเกินไปจะเพิ่มแรงกดบนข้อเข่า ทำให้กระดูกอ่อนเสื่อมเร็วขึ้น การบาดเจ็บ: การบาดเจ็บที่เข่า เช่น การฉีกขาดของเอ็นหรือกระดูกหัก อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคข้อเข่าเสื่อมในอนาคต การใช้งานข้อเข่ามากเกินไป: การทำกิจกรรมที่ต้องใช้ข้อเข่าอย่างหนัก เช่น การวิ่งหรือกระโดด อาจทำให้กระดูกอ่อนเสื่อมเร็วขึ้น พันธุกรรม: บางคนอาจมีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่จะเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม โรคประจำตัว: เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคเกาต์ อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคข้อเข่าเสื่อม อาการของโรคข้อเข่าเสื่อม: ปวดเข่า: อาการปวดอาจเป็นแบบปวดตื้อๆ หรือปวดแปลบๆ และมักจะแย่ลงเมื่อใช้งานข้อเข่า ข้อเข่าบวม: อาจมีอาการบวมบริเวณข้อเข่า ข้อเข่าฝืด: ข้อเข่าอาจรู้สึกฝืดหรือติดขัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเช้าหรือหลังจากการพักผ่อน เสียงดังในข้อเข่า: อาจมีเสียงดังกรอบแกรบในข้อเข่าขณะเคลื่อนไหว ข้อเข่าอ่อนแรง: กล้ามเนื้อรอบเข่าอาจอ่อนแรง ทำให้เดินหรือทรงตัวลำบาก ข้อเข่าผิดรูป: ในกรณีที่รุนแรง ข้อเข่าอาจผิดรูป เช่น เข่าโก่ง การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม: ควบคุมน้ำหนัก: การลดน้ำหนักจะช่วยลดแรงกดบนข้อเข่า ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม: การออกกำลังกายแบบเบาๆ เช่น การเดิน ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบเข่าและเพิ่มความยืดหยุ่น พักผ่อนอย่างเพียงพอ: การพักผ่อนจะช่วยลดอาการปวดและบวม ใช้ความร้อนหรือความเย็น: การประคบร้อนหรือเย็นสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ใช้อุปกรณ์ช่วยพยุง: เช่น สนับเข่า หรือไม้เท้า จะช่วยลดแรงกดบนข้อเข่า หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ปวดมากขึ้น: เช่น การนั่งคุกเข่า หรือการยกของหนัก ปรึกษาแพทย์: เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม สมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อม: มีสมุนไพรหลายชนิดที่เชื่อว่ามีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมได้ ดังนี้ ขมิ้นชัน: มีสารเคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและลดอาการปวด ขิง: มีสารจินเจอรอล (Gingerol) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยลดอาการปวด เถาวัลย์เปรียง: มีสารสำคัญที่ช่วยลดอาการปวดและอักเสบของข้อเข่า... Continue reading
โรคหัวใจและหลอดเลือด: ภัยร้ายใกล้ตัวของผู้สูงอายุ
รู้ทันโรค

โรคหัวใจและหลอดเลือด: ภัยร้ายใกล้ตัวของผู้สูงอายุ

29 Aug 2024 / 451
โรคหัวใจและหลอดเลือด: ภัยร้ายใกล้ตัวของผู้สูงอายุ โรคหัวใจและหลอดเลือด ถือเป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ทั่วโลก โรคนี้เกิดจากการที่หลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน ทำให้หัวใจขาดเลือด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจและอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้สูงอายุ สาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน และการรักษา เพื่อให้คุณและคนที่คุณรักห่างไกลจากโรคนี้ โรคหัวใจและหลอดเลือดคืออะไร? โรคหัวใจและหลอดเลือด หมายถึง โรคที่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ไม่เพียงพอ ซึ่งอาจเกิดจากการที่หลอดเลือดแข็งตัว ตีบตัน หรือแตก ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ใจสั่น และอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวาย หรือหัวใจหยุดเต้นได้ สาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง: ความดันโลหิตสูงเรื้อรังทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพ คอเลสเตอรอลสูง: ไขมันชนิดเลวในเลือดไปเกาะที่ผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบ โรคเบาหวาน: ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวเร็วขึ้น การสูบบุหรี่: สารนิโคตินในบุหรี่ทำลายผนังหลอดเลือด ความอ้วน: น้ำหนักเกินทำให้ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเพิ่มขึ้น ขาดการออกกำลังกาย: การออกกำลังกายน้อยทำให้ร่างกายอ่อนแอ พันธุกรรม: มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรค ความเครียด: ความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด อาการของโรคหัวใจและหลอดเลือด เจ็บหน้าอก: อาจรู้สึกแน่น อึดอัด หรือเจ็บร้าวไปที่แขน ไหล่ คอ หรือขากรรไกร หายใจลำบาก: โดยเฉพาะเมื่อออกแรง ใจสั่น เหนื่อยง่าย: แม้ทำกิจวัตรประจำวัน บวม: ที่เท้า ข้อเท้า คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด วิงเวียน วิธีป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ควบคุมความดันโลหิต: วัดความดันโลหิตเป็นประจำและรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ลดระดับคอเลสเตอรอล: รับประทานอาหารที่มีไขมันดี หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ควบคุมน้ำหนัก: รักษาให้น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เลิกสูบบุหรี่: ลดความเครียด: หาทางผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ โยคะ ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: เพื่อตรวจหาความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด การรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด การรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค อาจรวมถึง การใช้ยา: เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาลดไขมัน... Continue reading
ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ
รู้ทันโรค

ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ: สาเหตุและวิธีรับมือ

22 Aug 2024 / 483
ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ: สาเหตุและวิธีรับมือ ภาวะซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องของอายุเสมอไป แม้แต่ผู้สูงอายุก็สามารถเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตนี้ได้เช่นกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้อย่างมาก บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ สาเหตุที่ทำให้เกิด และวิธีการรับมือ เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพจิตของผู้สูงอายุในครอบครัวได้อย่างเหมาะสม ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุคืออะไร? ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุเป็นภาวะที่ผู้สูงอายุรู้สึกเศร้า เหงา เบื่อหน่าย หมดความสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบ และมีอาการทางกายอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน สาเหตุของภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ การเปลี่ยนแปลงทางกาย: การเจ็บป่วยเรื้อรัง ความเจ็บปวดเรื้อรัง การสูญเสียความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม: การสูญเสียคู่ชีวิต เพื่อน หรือคนในครอบครัว การเกษียณอายุ การย้ายที่อยู่อาศัย การเปลี่ยนแปลงทางจิตวิทยา: ความรู้สึกโดดเดี่ยว เหงา สูญเสียความหมายในชีวิต การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ พันธุกรรม: ประวัติครอบครัวที่มีคนเป็นโรคซึมเศร้า สัญญาณเตือนของภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ อารมณ์เศร้า เหงา เบื่อหน่าย สูญเสียความสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบ นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป เบื่ออาหารหรือทานอาหารมากเกินไป อ่อนเพลีย ไม่มีแรง รู้สึกผิดหรือไร้ค่า มีปัญหาในการจดจ่อหรือตัดสินใจ มีอาการเจ็บป่วยทางกายที่ไม่ทราบสาเหตุ มีความคิดอยากทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น วิธีการรับมือกับภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ ปรึกษาแพทย์: การปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม ให้กำลังใจและความเข้าใจ: ฟังปัญหาและความรู้สึกของผู้สูงอายุอย่างตั้งใจ ให้กำลังใจและแสดงความเข้าใจ กระตุ้นให้ทำกิจกรรม: ชวนผู้สูงอายุทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง พูดคุยกับเพื่อน ส่งเสริมให้เข้าสังคม: ช่วยให้ผู้สูงอายุได้พบปะผู้คนและสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ ดูแลสุขภาพกาย: ช่วยให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย: เก็บยาและวัตถุอันตรายให้พ้นมือผู้สูงอายุ กลุ่มสนับสนุน: การเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้สูงอายุและครอบครัวจะช่วยให้ได้รับกำลังใจและความเข้าใจจากผู้อื่น ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุเป็นปัญหาที่สามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการดูแลที่ถูกต้อง การให้กำลังใจและความเข้าใจจากคนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญมาก การปรึกษาแพทย์และการรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้ผู้สูงอายุกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อีกครั้ง   หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ ไม่ได้มีเจตนาเพื่อทดแทนคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ Continue reading
รู้ทันโรค

โรคสมองเสื่อม: สัญญาณเตือนเบื้องต้น และวิธีชะลอความเสื่อม

15 Aug 2024 / 568
โรคสมองเสื่อม: สัญญาณเตือนเบื้องต้น และวิธีชะลอความเสื่อม โรคสมองเสื่อม เป็นปัญหาสุขภาพที่น่ากังวลสำหรับผู้สูงอายุและครอบครัว เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความจำ ความคิด และพฤติกรรม ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคสมองเสื่อม สัญญาณเตือนเบื้องต้น และวิธีการชะลอความเสื่อมของสมอง เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพสมองของคุณและคนที่คุณรักได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรคสมองเสื่อมคืออะไร? โรคสมองเสื่อม เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์สมอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านความคิด ความจำ อารมณ์ และพฤติกรรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยที่สุด สัญญาณเตือนเบื้องต้นของโรคสมองเสื่อม ความจำเสื่อม: ลืมเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น ลืมนัดหมายสำคัญ ลืมวางของ ปัญหาในการใช้ภาษา: พูดคำซ้ำๆ พูดไม่รู้เรื่อง หรือหาคำไม่เจอ สับสนเรื่องเวลาและสถานที่: ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน หรือเป็นวันอะไร มีปัญหาในการคิดคำนวณ: เช่น นับเงินผิด หรือทำบัญชีไม่ถูก การตัดสินใจบกพร่อง: มีปัญหาในการตัดสินใจเรื่องง่ายๆ อารมณ์เปลี่ยนแปลง: หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า ก้าวร้าว หรือหวาดระแวง บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง: กลายเป็นคนเงียบขรึม ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง หรือทำกิจกรรมที่เคยชอบไม่ได้ ปัญหาในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน: เช่น ลืมวิธีการอาบน้ำ แต่งตัว หรือทำอาหาร ปัจจัยเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม อายุ: อายุที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ประวัติครอบครัว: หากมีคนในครอบครัวเป็นโรคอัลไซเมอร์ ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น ปัจจัยทางพันธุกรรม: ยีนบางชนิดอาจเกี่ยวข้องกับการเกิดโรค โรคเรื้อรัง: เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ การบาดเจ็บที่ศีรษะรุนแรง: อาจเพิ่มความเสี่ยง วิถีชีวิตที่ไม่ดี: เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การขาดการออกกำลังกาย วิธีชะลอความเสื่อมของสมอง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมอง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: อาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช ช่วยบำรุงสมอง พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอช่วยให้สมองได้พักผ่อนและซ่อมแซมตัวเอง กระตุ้นสมอง: การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การเล่นเกม การอ่านหนังสือ หรือการทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิดช่วยกระตุ้นสมอง ควบคุมโรคเรื้อรัง: การรักษาโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม ตรวจสุขภาพประจำปี: เพื่อตรวจหาความผิดปกติของสมองในระยะเริ่มต้น... Continue reading
รู้ทันโรค

โรคกระดูกพรุน: ปัญหาเงียบที่คุกคามผู้สูงอายุ วิธีดูแลและป้องกัน

08 Aug 2024 / 507
โรคกระดูกพรุน: ปัญหาเงียบที่คุกคามผู้สูงอายุ วิธีดูแลและป้องกัน โรคกระดูกพรุน เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เป็นโรคที่ทำให้กระดูกมีความหนาแน่นลดลง ทำให้กระดูกเปราะและหักง่ายขึ้น โดยที่ผู้ป่วยอาจไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งเกิดการหัก ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคกระดูกพรุน สาเหตุ อาการ วิธีการป้องกัน และการรักษา เพื่อให้คุณและคนที่คุณรักห่างไกลจากโรคนี้ โรคกระดูกพรุนคืออะไร? โรคกระดูกพรุนเป็นภาวะที่กระดูกสูญเสียความหนาแน่น ทำให้โครงสร้างกระดูกพรุนและเปราะบางมากขึ้น ส่งผลให้กระดูกหักได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณกระดูกสันหลัง ข้อมือ และสะโพก สาเหตุของโรคกระดูกพรุน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน การขาดแคลเซียมและวิตามินดี: ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างกระดูก ยาบางชนิด: เช่น ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ โรคบางชนิด: เช่น โรคไทรอยด์ทำงานเกิน โรคไตเรื้อรัง พฤติกรรมเสี่ยง: เช่น สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การขาดการออกกำลังกาย: ทำให้กระดูกไม่แข็งแรง อาการของโรคกระดูกพรุน ในระยะเริ่มแรก โรคกระดูกพรุนอาจไม่มีอาการที่สังเกตเห็นได้ชัด แต่เมื่อโรคดำเนินไป อาจพบอาการดังนี้ ปวดหลังเรื้อรัง สูงลดลง กระดูกหักง่าย ท่าทางผิดปกติ วิธีการป้องกันโรคกระดูกพรุน รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดี: เช่น นม ผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียวเข้ม ปลาทะเล ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายแบบแบกรับน้ำหนัก เช่น เดิน วิ่ง โยคะ จะช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง รับแสงแดด: เพื่อให้ร่างกายสร้างวิตามินดี งดสูบบุหรี่และลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: เพื่อติดตามความหนาแน่นของกระดูก การรักษาโรคกระดูกพรุน การรักษามุ่งเน้นไปที่การชะลอการสูญเสียมวลกระดูก และป้องกันไม่ให้กระดูกหัก ซึ่งอาจรวมถึง การรับประทานยา: ยาเพื่อเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: เช่น การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การผ่าตัด: ในกรณีที่กระดูกหัก โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ หากเราใส่ใจในการดูแลสุขภาพกระดูกตั้งแต่เนิ่นๆ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพเป็นประจำ จะช่วยให้เรามีกระดูกที่แข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยสูงอายุ หมายเหตุ : บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคกระดูกพรุน ไม่ได้มีเจตนาเพื่อทดแทนคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ Continue reading
รู้ทันโรค

เพิ่มภูมิคุ้มกัน ให้แข็งแรง พร้อมสู้ทุกสถานการณ์สุขภาพ ด้วย “โพชง”

20 Sep 2021 / 17763
“ระบบภูมิคุ้มกัน(Immune System)” ถือว่าเป็นระบบที่ช่วยปกป้องร่างกายไม่ให้เกิดอาการป่วย และการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีอย่างนึงคือ การทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ โดยอาหารที่มีส่วนในการช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ดีคือ อาหารที่มีสารกลุ่มวิตามิน รวมถึงสารจากพฤกษชาติ ที่มีสารประเภทวิตามินซี วิตามินเอ สารต้านอนุมูลอิสระและรวมไปถึงสารอื่นๆที่จำเป็นอีกด้วย โดยเฉพาะกลุ่ม Probiotics and prebiotics ซึ่งเป็นจุลินทรีย์และยังเป็นอาหารของจุลินทรีย์ที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับพฤกษชาติ และสมุนไพรที่มีสารอาหารดังกล่าว ที่สามารถช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี ดังต่อไปนี้ 1.มะขามป้อม    “มะขามป้อม” เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ และยังเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างหลากหลาย ด้วยความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่ค่อนข้างสูง จึงเป็นที่นิยมในการนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพ ในตำราโบราณมะขามป้อมถูกใช้ในการแก้เสมหะ แก้ไอ แก้เจ็บคอฯลฯ สมัยก่อนชาวฮินดูเรียกมะขามป้อมว่า AMALA = อัมฤต = ผู้ไม่ตาย ยังกล่าวอีกว่าหากทานมะขามป้อมวันละ 1 ผล จะเป็นยาอายุวัฒนะ ป้องกันอาการเจ็บป่วย และยังมีวิตามินซีสูงถึง 276 mg ในมะขามป้อม 100 g นอกจากนี้ยังพบสารที่ช่วยเรื่องสุขภาพได้ดังนี้ สารกลุ่มTannin, Terpenes , flavonoids เป็นต้น 2.ขิง “ขิง” เปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะตามธรรมชาติและเป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดอาการเจ็บคอและภาวะอักเสบต่างๆ แล้วยังถูกนำมาใช้ในการขับลม แก้อาเจียน ช่วยในการนอนหลับสนิท  ขิงเองก็มีประโยชน์ที่หลากหลายและมีการใช้มายาวนาน จึงถูกนำมาเป็นยาอายุวัฒนะชั้นยอด มีคำพูดหนึ่งของขงจือปราชญ์จีนสมัยชุนชิว (ค.ศ.479-ค.ศ.500)ได้กล่าวว่า “ ในอาหารทุกมื้อไม่ควรระเลยขิง”   จากรายงานการวิจัยพบว่าสารที่สกัดจากขิงมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ และมีฤทธิ์ในการยับยั้งการอักเสบได้ดีในการทดลอง 3. รากชิโครี่ “รากชิโครี่” เป็นแหล่งเส้นใยอาหารที่มาจากธรรมชาติ มักเป็นที่รู้จักในชื่อของ Inulin และยังพบฟรุคโตโอลิโกฟรุคโตส(Fructooligosaccharide (FOS))  ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำได้ ซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารและไม่ให้พลังงาน  แต่ถูกย่อยได้ด้วยแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ มีสมบัติเป็นพรีไบโอติก (PREBIOTICS) คือเป็นอาหารของจุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่จึงช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่ดี ซึ่งจุลินทรีย์จะสร้างสารที่มีประโยชน์ เช่น กรดไขมันสายสั้น ซึ่งช่วยปรับสภาพลำไส้ใหญ่ให้ดูดซึมแคลเซียมกับสู่ร่างกายได้ยาวนานขึ้นจะมีสารที่ร่างกายต้องการเมื่ออายุมากขึ้นสารอาหารจึงสำคัญ ) ซึ่งมีประโยชน์มากต่อสุขภาพ 4.บิลเบอร์รี่  “บิลเบอร์รี่”  ผลไม้ที่ช่วยในการดูแลสุขภาพอีกหนึ่งชนิดที่มีสาระสำคัญต่อร่างกายหลายชนิด เช่น สารกลุ่ม Anthocyanosides มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ดี (Anti-oxidant) ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ แล้วยังป้องกันสารพิษที่จะเข้าสู่ร่างกาย ช่วยชะลอความแก่ชรา  สาร... Continue reading
รู้ทันโรค

เสริมภูมิคุ้มกัน ห่างไกลโรคภัย ด้วย 5 สมุนไพร ใน”โพชง”

16 Aug 2021 / 7291
เสริมภูมิคุ้มกัน ห่างไกลโรคภัย ด้วย 5 สมุนไพร ใน”โพชง” จากการศึกษาพบว่า “สมุนไพรมีการใช้กันมาอย่างยาวนานทั้งในไทยและต่างประเทศ” และในวันนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับสมุนไพรที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เนื่องจากในทุกวันนี้ ที่เต็มไปด้วยเชื้อโรค เชื้อไวรัส และฝุ่นละอองมากมาย ระบบภูมิคุ้มกันจึงถือเป็นสิ่งสำคัญกับร่างกายในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก” ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) เป็นหนึ่งในกลไกการทำงานของร่างกายซึ่งมีหน้าที่ดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อในร่างกายมนุษย์ ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วย ระบบภูมิคุ้มกันแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1.ภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิด (Innate Immunity) เป็นภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นเองได้เพื่อป้องกันเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ 2.ภูมิคุ้มกันแบบเจาะจง (Adaptive Immunity) เป็นภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเองหลังจากเกิดอาการเจ็บป่วย เพื่อลดความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะกลับมาติดเชื้อโรคเดิม 3.ภูมิคุ้มกันแบบรับมาจากภายนอก (Passive Immunity) คือภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากภายนอกร่างกายเพื่อช่วยต่อสู่กับการติดเชื้อในระยะเวลาสั้น ๆ โดยในระบบภูมิคุ้มกันนี้ เราสามารถเลือกทานสมุนไพร ที่มีคุณสมบัติสร้างภูมิกันได้ อย่างเช่น สมุนไพรที่มีการใช้กันมาอย่างยาวนาน อย่าง 5สมุนไพร ดังต่อไปนี้ เห็ดหลินจือ เป็นสมุนไพรที่ขึ้นชื่อเรื่องการดูแลระบบภูมิคุ้มกัน และได้มีการนำมาใช้ในการรักษาโรคภูมิแพ้อย่างกว้าง ด้วยสารสำคัญที่ช่วยในเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน คือ กลุ่มสารโพลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides)ออกฤทธิ์รวมกัน ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวชนิด บี-เซลล์ (B-cells) และทีเซลล์(T-cells) ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างมากของ สารอิมมูโนโกลบูลิน( Immunoglobulin ) และสารอินเตอร์ลิวคิน   (Interleukins) ซึ่งเป็นตัวต่อต้านสารที่ทำให้แพ้ (Antiallergy) และกลุ่มสารไตรเทอร์พีนอยด์ชนิดขม( Bitter Triterpenoids ) มีอยู่ประมาณ 100 ชนิดที่แตกต่างกัน และสารที่มีส่วนรักษาผู้ป่วยโรคภูมิแพ้คือ กลุ่มสารกรดกาโนเดอริค และ กรดลูซิเดนิค (Lucidenic acid)  จะทำหน้าที่เป็นตัวยับยั้งไม่ให้ร่างกาย ผลิตสารฮีสตามีนออกมา   พลูคาว เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นเฉพาะตัว ใบจะมีกลิ่นคาวรุนแรงคล้ายคาวปลา พลูคาวจะเข้าไปช่วยปรับสมดุลของร่างกาย มีการใช้มายาวนาน เป็นความเชื่อที่ว่าพลูคาว  มีฤทธิ์ในการระงับอาการปวด ลดการอักเสบต่างๆในร่างกาย ต้านเชื้อไวรัส ต้านเชื้อจุลินทรีย์ เร่งการเจริญเติบโตของเซลล์ต่างๆในร่างกาย ป้องกันอนุมูลอิสระ นอกจากนี้พลูคาวยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ในกลุ่มผู้ป่วยจากการติดเชื้อ สารสำคัญที่พบคือ สารกลุ่มเทอร์ปีนอยด์  มีประโยชน์ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ ... Continue reading

Showing 1–10 of 25 posts

  • 1
  • 2
  • 3
  • Next page

บทความล่าสุด

วิธีสังเกตอาการไข้หวัดใหญ่

19 May 2025 0

โรคภูมิแพ้เกิดจากอะไร? รู้เท่าทันอาการ สาเหตุ และการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคภูมิแพ้

14 May 2025 0

5 วิธีรับมือกับฝุ่นร้าย PM2.5

26 Feb 2025 0

สมัครรับข่าวสารและสิทธิพิเศษ

We’ll never share your details. See our Privacy Policy

สอบถามหรือสั่งซื้อผ่านไลน์


สินค้า
ดูสินค้าทั้งหมด
โปรโมชั่น
ช่วยเหลือ
คำถามบ่อย
การเปลี่ยนหรือคืนสินค้า
ติดต่อเรา
ที่อยู่การจัดจำหน่าย

470 ถนนรัชดาภิเษก
สามเสนนอก ห้วยขวาง
กรุงเทพ 10310

โทรศัพท์

099 219 3955
090 096 2626

จันทร์-ศุกร์: 9.00 น. – 18.00 น.

©Pochong 2020. All rights reserved.